วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561

รามเกียรติ์ ตอน จองถนน (ถอดความ)

       วรรรคดีประจำชาติเรื่อง รามเกียติ์ เป็นวรรณคดีที่แสดงถึงรากฐานของวัฒนธรรมอันงดงามประจำชาติและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเป็นวรรณคดีที่มีความงดงามทางด้านการใช้ภาษาเป็นอย่างยิ่ง
         รามเกียรติ์ในตอนจองถนนนี้ เป็นตอนที่แสดงถึงเกียรติยศของพระรามที่ ได้ใช้ก้อนหินทั้งน้อยใหญ่ ถมทะเลจนกลายเป็นถนนข้ามไปเมืองลงกา เพื่อรับนางสีดากลับเมืองอยุธยา
       ข้าพเจ้าจึงเห็นสมควรที่จะได้ถอดความบทละครเรื่องรามเกียรติ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในตอนจองถนน จากบทร้อยกรอง ให้เป็นบทร้องแก้วเพื่อความสะดวกในการศึกษาของผู้ใคร่ศึกษาในเรื่องราวของรามเกียรติ์ในรุ่นหลังสืบต่อไป





รามเกียรติ์ ตอน จองถนน

     
    จึงมีพระราชวาที     แก่หมู่เสนีซ้ายขวา
ซึ่งจะยกพหลพลโยธา     ล่วงข้ามมหาสมุทรไป

       พระรามได้ปรึกษากับพวกเสนาวานรทั้งหลายว่า เราจะยกทัพข้ามมหาสมุทรไปนครลงกาซึ่งเป็นเกาะอย่างไรดี เหล่าเสนาลิงทั้งหลายก็ได้สำแดงฤทธิ์ต่างตนต่างขออาสา บ้างก็ว่าจะโน้มเขาพระสุเมรุลงมาเป็นเส้นทาง บ้างก็ว่าจะวิดวักตักน้ำในมหาสมุทรให้แห้งเป็นถนนไปเมืองลงกา ฯ แต่วานรชื่อชามพูวราชได้กราบทูลพระรามว่าการกระทำเหล่านั้น ไม่มีเกียรติ จึงทูลเสนอว่าให้เหล่าวานรนั้นนำเอาก้อนหินทั้งน้อยใหญ่ ถมลงไปในทะเลเพื่อเป็นถนนเส้นทางไปยังเมืองลงกาเพื่อจะได้เป็นเกียรติไปชั่วกัลปา พระรามก็เห็นชอบเป็นอย่างยิ่งจึงมีบัญชาให้สุครีพคุมเหล่าวานรทั้งสองนครไปถมสมุทรไท จองถนนข้ามไปเมืองลงกา
       เมื่อถึงริมฝั่งมหาสมุทร สุครีพจึงสั่งให้นิลพัทคุมวานรจากนครชมพุ และ หนุมานคุมวานรจากนครขีดขิน ให้ผลัดกันรับส่งหินศิลาแล้วทิ้งถมลงสมุทรไท ฝ่ายนิลพัทมาถึงเนินเขาหิมพานต์ คิดแค้นหนุมานในเรื่องที่ีหนุมานเคยทำเรื่องหยาบหยาม จึงคิดที่จะลองกำลังว่าใครมีกำลังที่เหนือกว่า จึงใช้สองเท้าคีบเขาหิมวันต์ และใช้สองมือถือภูเขาใหญ่ แล้วเหาะกลับมา ครั้นถึงจึงเรียกหนุมานมารับก้อนหินไปทิ้งในทะเล หนุมานเห็นนิลพัทขนก้อนหินขนาดมหึมามาทั้งสองมือสองเท้า จึงบอกให้นิลพัททิ้งลงมาทีละก้อน แต่นิลพัทไม่ฟังจึงทิ้งลงมาที่เดียวหวังจะให้ถูกตัวหนุมาน แต่หนุมานนั้นสามารถรับไว้ได้ทั้งสี่ก้อนแล้วทิ้งลงไปในทะเลได้สำเร็จ
       ครั้นแล้วหนุมานคิดเอาคืนนิลพัท จึงได้ไปที่เขาอารัญ และหักยอดเขามาด้วยว่องไว จากนั้นจึงสำแดงฤทธิ์ใช้เส้นขนผูกก้อนหินไว้ทั้งตัวแล้วเหาะกลับมา ครั้นถึงจึงเรียกนิลพิทให้รับก้อนหินที่เราขนมา นิลพัทเห็นหนุมานขนหินมามากจึงร้องบอกให้หนุมานทิ้งลงมาทีละสี่ก้อนจะได้รับได้ทัน แต่หนุมานไม่ฟังแล้วทิ้งหินลงมาดั่งสายฝน นิลพัทวิ่งรับก้อนหินด้วยความว่องไว้แต่ก็ไม่ทันจึงใช้เท้าช่วยรับ บัดนั้นหนุมานเห็นนิลพัทรับก้อนหินด้วเท้าก็โกรธแล้วด่าทอนิลพัทเป็นอันมาก นิลพัทจึงโกรธเป็นอันมาก ทั้งสองลิงจึงทะเลาะและเข้าลงไม้ลงมือสู้กัน

                 ตกถูกยอดเขาจักวาล     เสียงสะท้านสะเทือนหวั่นไหว
ศิลาแตกเป็นประกายไฟ     พรายไปดั่งสายอสุนีฯ

เมื่อนั้นสุครีพผู้เป็นนายกองใหญ่ได้เข้ามาห้ามปรามแต่ทั้งสองก็ไม่หยุดจะห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ด้วยกำลังของวานรทั้งสองจึงทำให้เกิดเสียงดังไปถึงพลับพลาที่ประทับของพระรามจึงเกิดสงสัยว่าวานรที่ไปจองถนนนั้นเกิดรบกับพวกของยักษ์หรือเปล่าจึงตรัสใช้ให้พระลักษณ์ไปดูเหตุการณ์ เมื่อทั้งสามวานรได้เห็นพระลักษณ์ก็ตกใจเป็นอย่างมาก จึงนั่งลงแล้วถวามบังคม สุครีพจึงทูลพระลักษณ์ว่าข้าได้ให้วานรทั้งสองนั้นนำศิลาไปจองถนนข้ามสมุทรแต่วานรทั้งสองต่างอวดกำลังของตยจึงได้ทำเลาะวิวาทกันจึงทำให้เคืองเบื่องพระบาทา พระลักษณ์ได้ฟังแล้วก็ได้พาวานรทั้งสามนั้นเข้าเผ้าพระรามแล้วตรัสเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พระรามฟัง พระรามได้ฟังก็โกรธเป็นอย่างมาก จึงตรัสปรึกาากับพระยาสุครัพว่าหายเป็นอย่างนี้อาจเสียราชการได้จะลงโทษสองลิงนี้อย่างไรดี สุครีพจึงทูลต่อพระรามว่าลิงทั้งสองนี้ก็เหมือนกับช้างที่กำลังตกมันไม่ควรอยู่ที่เดียวกันจึงทูลให้ ให้นิลพัทกลับไปคุมเมืองขีดขินแล้วให้เอาตัวหนุมานไว้ใช้งาน พระรามก็เห็นด้วยแล้วมีพระราชบัญชา ให้นิลพัทกลับไปยังเมืองขีดขินแล้วคอยส่งเสบียงอาหารมาเลี้ยงกองทัพ แล้วสั่งหนุมานให้รีบไปจองถนนในเจ็ดวัน หากช้ากว่านั้นจะประหาญ
       ฝ่ายกองเฝ้าระวังเมืองยักษ์เห็นเหล่าวานรน้อยให้นำหินมาทิ้งลงสมุทรไท เกิดเป็นถนนรำไร จึงรีบไปเข้าเฝ้าเจ้านครลงกา เมื่อนั้นทศกัณฐ์ได้ฟังสารัญยักษ์แจ้งเหตุการณ์ก็เกิดความแค้นว่าเหตุไฉนพวกมนุษย์ และลิงป่าจึงมาถมสมุทร จึงดำริจะทำลายถนนนั้นด้วยให้ฝูงปลาที่อยู่ในมหาสมุทรไปคาบขนศิลาออกอย่าให้เกิดเป็นถนนได้สำเร็จ จึงตรัสเรียกสุวรรณมัจฉาผู้เป็นลูกมาให้เข้าเฝ้า เมื่อนางสุวรรณมัจฉามาเข้าเฝ้าแล้วก็ตรัสสั่งให้นำเหล่าฝูงปลาทั้งน้อยใหญ่ไปคาบขนก้อนหินออกมาอย่าให้เกิดเป็นถนนข้ามมากรุงลงกาได้ นางสุวรรณมัจฉารับคำสั่งจากพระยาทศกัณฐ์แล้วออกมาสั่งบริวารปลาทั้งหลายให้ไปคาบขนศิลาใต้น้ำไปทิ้งในอ่าวอันห่างไกล ฝ่ายวานรก็ทิ้งหินลงมาฝ่ายปลาก็คาบออก สุครีพจึงเกิดความสงสัยว่าเหตุใดถมหินลงไปเท่าไหร่ๆก็ไม่โผล่พ้นน้ำมาสักที จึงเรียกหนุมานมาปรึกษา หนุมานจึงดำลงไปในมหาสมุทร แล้วเห็นหมู่ปลากำลังคาบขนศิลาออกก็โกรธเป็นอย่างยิ่งจึงชักตรีเพชรออกมาฆ่าปลาตายไปเป็นจำนวนมากแลเห็นนางสุวรรณมัจฉาก็โกรธเป็นอย่างมากจึงไล่จับนามสุวรรณมัจฉา

       เอ็งนี้ชื่อไรจึงอาจอง     เชื้อชาติเป็นไฉนอีมัจฉา
จึงพาบริวารฝูงปลา     มาลักคาบศิลาของกูไป

นางสุวรรณมัจฉาจึงเล่าความจริงให้หนุมานฟังแล้วอ้อนวอนขอชีวิต หนุมานได้ฟังคำพูดอันอ่อนหวานของนางสุวรรณมัจฉาจึงใจอ่อน หนุมานจึงเกิดอารมณ์พิสมัยแล้วโอ่โลมนามสุวรรณมัจฉาแล้วได้นางสุวรรณมัจฉาเป็นเมีย แล้วจึงได้ขอให้นางสุวรรณมัจฉาใช้ฝูงปลาคาบขนศิลามาช่วยถมมหาสมุทรให้เป็นภนนข้ามไปนครลงกา นางสุวรรณมัจฉาก็ยินดีช่วยหนุมานถมมหาสมุทรไปกรุงลงกาแล้วจากนั้น ก็ได้จองถนนจนเสร็จทันเวลาที่พระรามกำหนด แล้วจากนั้นนางสุวรรณมัจฉาก้ได้สำรอกมัจฉานุออกมา จบตอนจองถนน ตอนต่อจากนี้คือ ตอนศึกไมยราพณ์..
อาจารย์ดำถอดความ
เธียรดนัย วิเทศพงษ์ ครุฯภาษาไทย มบส. 
๕๙๘๑๑๒๔๐๘๑
อ้างอิง
 พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบาทสมเด็จ. (2540). บทละครเรื่องรามเกียรติ์. พิมพ์ครั้งที่9 กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น