เสียงเสนาะไพเราะเพียง
ดนตรี
คำเพราะคือคำกระวี
แต่งไว้
ผู้รู้ท่วงนำนองดี ลองอ่าน
ย่อมเสนาะจิตไซร้ เสนาะล้ำคำหวาน
ฯ
นันทา
ขุนภักดี
เนื่องจากภาษาไทยเป็นภาษาที่มีระดับเสียงสูงต่ำและมีสัมผัสคล้องจองกัน
เมื่อกวีพิถีพิถันเลือกสรรถ้อยคำเหล่านั้นมาเรียงร้อยต่อเนื่องกันด้วยสติปัญญา
อารมณ์ และจินตนาการให้มีจังหวะหลากหลาย จึงเกิดฉันทลักษณ์ที่มีสุนทรียภาพ
และคีตลังการอันไพเราะจับใจหลายรูปแบบ หากนำมาอ่านเงียบ ๆ ในใจ
ย่อมทำให้รสและความไพเราะของคำกวีนั้นหย่อนลง แต่ถ้าอ่านออกเสียงให้ดังฟังชัด
ให้เสียงสัมผัส จังหวะ และทำนองกระทบหูและความคิด
ย่อมจะเกิดรสไพเราะรื่นหูจับใจในรสคำ เสมือนฟังเสียงดนตรีที่จะมีภาษาใดเหมือนยาก
นับเป็นความสามรถของคนไทยแต่โบราณที่รู้จักคิดประดิษฐ์ทำนองต่าง
ๆ ขึ้นมา เพื่อประกอบการอ่านคำประพันธ์ร้อยกรองแต่ละประเภทได้อย่างไพเราะเหมาะเจอะน่าสนใจ
อีกทั้งคนไทยแต่โบราณมาก็ชอบที่จะฟังทำนองต่าง ๆ อันเป็นเสียงดนตรีที่มีความไพเราะเพราะพริ้งยิ่งนักนั้น
ตามแบบแผนที่บรรพบุรุษของตนสืบทอดต่อกันมา ไม่ว่าจะเป็นทำนองกล่อม ขับ พากย์ ร้อง
สวด เห่ (กำชัย ทองหล่อ ๒๕๒๕ : ๖๘๘)
หรืออ่านทำนองเสนาะ
ซึ่งแสดงถึงสุนทรียลักษณ์ทางเสียงของบทกวีไทยที่สามารถนำมาอ่านออกเสียงให้ฟังไพเราะได้อย่างวิเศษน่าอัศจรรย์หลากหลายกันออกไปอย่างที่จะหาชาติใดมาเทียบได้ยาก
(นันทา ขุนภักดี ๒๕๓๔ : ๑ )
และแต่ละทำนองนั้นเมื่อฟังครั้งใดก็ย่อมรู้สึกประทับใจในลีลาที่แตกต่างกันเสมอทุกครั้งไป
จึงสมควรเชิดชู การอ่านทำนองร้อยกรองไทย ดังกล่าวให้เห็นเด่นชัดและรักษาไว้ให้ยั่งยืนสถาพรเป็นศักดิ์ศรีแด่ภาษาไทยซึ่งเป็นสมบัติของชาติสืบไปอีกนานแสนนาน
หลักการอ่านทำนองร้อยกรองไทยให้มีเสียงเสนาะ
หลักการอ่านทำนองร้อยกรองไทยให้มี
“เสียงเสนาะ” นั้นผู้อ่านควรมีหลักการอ่านตามแนวต่อไปนี้คืออ่านให้ถูกอักขรวิธี
โดยไม่อ่านผิดสระผินพยัญชนะหรือผิดวรรณยุกต์ ออกเสียงพยัญชนะ
/จ/ฉ/ช/ถ/ท/ซ/ศ/ส/ษ/ร/ ให้ชัดเจนอย่างไทย ออกเสียงตัวควบกล้ำให้ชัด
อ่านคำยัติภังค์ให้เชื่อมเป็นคำเดียวโดยไม่เสียจังหวะ อ่านอย่างระมัดระวัง
ไม่ตกหล่น ไม่ต่อเติม และไม่ตู่ตัว
ทั้งต้องรู้จักการอ่านคำแปลเสียงเพื่อให้เกิดเสียงสัมผัสที่ไพเราะตามต้องการ เช่น
เห็นก้อนหินศิลาน่าอาวรณ์
ต้องอ่านแปลเสียงจาก /ศิลา/ เป็น /ศินลา/ เพื่ออ่านเอื้อนสัมผัสกับคำว่า
หิน ดังนี้ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังต้องอ่านให้ถูกจังหวะ
ควรรู้จักจังหวะของคำประพันธ์แต่ละประเภทซึ่งแตกต่างกันการอ่านทำนองจะยืดจังหวะในฉันทลักษณ์เป็นสำคัญ
ต้องรู้จังหวะและการแบ่งวรรคต้อนของบทประพันธ์ที่จะอ่านทุกประเภท
และอ่านให้ลงสัมผัส รู้จักเอื้อนเสียงในช่วงที่เหมาะสม และรู้จักอ่านอย่างมี
“ลูกเก็บ”
โดยพยายามอ่านรวบคำหรือพยางค์ที่มีเกินในฉันทลักษณ์ให้เร็วและเบาอย่างอักษรนำเพื่อให้เสียงตกลงตรงพยางค์ที่ต้องการเพื่อรักษาจังหวะการอ่านที่คงที่
การอ่านอย่างมีลูกเก็บเช่นนี้โบราณนิยมอ่านกันเพราะจะทำให้เสียงของคำไพเราะขึ้นมากกว่านคำห้วนตรงตามฉันทลักษณ์บังคับ
เช่น สยามรัฐพัฒนแผ่นพัน สองครา นี้แล จะอ่านว่า สยามรัดพัดทะนะแผ่นพัน สองครา
นี้แล โดยอ่านออกเสียง /ทะนะ/ รวบให้เร็วและเบา
ย่อมจะฟังไพเราะมากกว่าอ่านห้วนเพื่อให้ได้จำนวนคำควบตรงตามฉันทลักษณ์บังคับว่า
สยามรัดพัดแผ่นพัน สองครา นี้แล
อีกทั้งเมื่ออ่านไปถึงตอนใกล้จะจบบทต้อนเอื้อนเสียงและทอดจังหวะให้ช้าลงกระทั้งจบบท
อีกประการหนึ่ง
ควรอ่านให้มีเสียงดัง ให้เสียงสัมผัส จังหวะ
และทำนองที่อ่านดังฟังชัดเจนกระทบหูและกระทบใจ จึงจะเกิดรสคำที่ไพเราะเพราะพริ้ง
รื่นหูจับใจ เสมือนฟังดนตรีดังกล่าวแล้ว ที่ต้องอ่านให้มีอารมณ์
โดยอาศัยการอ่านตีความบทกวีให้เข้าใจถึงความรู้สึกอันแท้จริงขงกวีว่า
เป็นอารมณ์รัก โศก ตื่นเต้น คึกคัก ขบขัน หรือเกลียดชัง แล้วพยายามอ่านออกมา
ให้น้ำเสียงสอดคล้องกับอารมณ์ต่าง ๆ ที่ผู้แต่งต้องการสื่อความแก่ผู้อ่านจึงจะไพเราะน่าฟัง
อีกทั้งยังจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจเนื้อเรื่องและสนุกสนานเพลิดเพลินด้วย
ประการสุดท้ายที่สำคัญคือ
อ่านให้มีทำนอง ย่อมเป็นที่ตระหนักดีว่า กวีตั้งใจแต่งบทประพันธ์
แต่ละครั้งอย่างมีจุดมุ่งหมาย เป็นต้นว่า แต่งเพื่อเล่นหนัง แต่งเพื่อสวดพระมาลัย
แต่งเพื่อขับเสภา แต่งเพื่อเล่นหุ่นกระบอก หรือแต่งเพื่ออ่านสู่กันฟัง ดังนั้น
บทกวีแต่ละประเภทก็จะเหมาะกับแต่ละทำนอง เช่น ทำนองพากย์ ทำนองสวด ทำนองขับ
ทำนองร้อง หรืออ่านทำนองเสนาะ เป็นต้น
ผู้อ่านจึงควรรู้จักลีลาของแต่ละทำนองอย่างถูกต้อง โดยสอบถามจากผู้รู้ในวงการที่ได้รับสืบทอดต่อกันมา
แล้วหมั่นฝึกฝนอ่านตามควรจำทำนองของคำประพันธ์แต่ละประเภทไว้เป็นต้นแบบเพื่อนำไปปรับอ่านกับบทอื่น
ๆ ได้ พยายามขึ้นทำนองอ่านให้พอดีกับระดับเสียงของตน เพียงเท่านี้
ก็ย่อมจะช่วยให้สามารถอ่านทำนองร้อยกรองไทยได้อย่างราบรื่นและไพเราะตลอดไป (นันทา
ขุนภักดี ๒๕๓๙ : ๓๖-๔๑)
กำชัย ทองหล่อ. (๒๕๒๕). หลักภาษาไทย.
พิมพ์ครั้งที่ ๖. กรุงเทพมหานคร : เจริญรัตน์การพิมพ์.
นันทา ขุนภักดี. (๒๕๕๙).
การอ่านทำนองร้อยกรองไทย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น